430 จำนวนผู้เข้าชม |
รีดเอาทรัพย์ ตามมาตรา 337
หากการขู่เข็ญมี เจตนาหลักเพื่อให้ได้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่น จะเข้าสู่ฐานรีดเอาทรัพย์ ซึ่งมีโทษ จำคุก 1ถึง 10 ปี และปรับ 20,000 ถึง 200,000 บาท และถ้าใช้กำลังประทุษร้ายทันทีอาจยกระดับเป็น ชิงทรัพย์ ตามมาตรา 338 ที่โทษสูงกว่านั้น
3. อายุความ และกระบวนพิจารณา
ลักษณะคดี เป็นคดีอาญาแผ่นดิน ซึ่ง รัฐเป็นโจทก์ แต่เป็น คดีลหุโทษ ตำรวจสามารถสอบสวนได้ แม้ไม่มีคำร้องทุกข์ อายุความฟ้อง1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 (5) การประกันตัวโดยทั่วไปศาลให้ปล่อยชั่วคราว ด้วยหลักทรัพย์ไม่สูง หรือปล่อยโดยไม่มีหลักประกัน
แนวคำพิพากษาที่น่าสนใจ
คำพิพากษาฎีกาที่ 337/2517 จำเลยถือปืนพลาสติกมาขู่เข็ญทำท่าจะยิงผู้เสียหายผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นปืนจริงเกิดความกลัวหรือตกใจ จำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
คำพิพากษาฎีกาที่ 7159/2561 ขู่ให้ผู้เสียหาย ระวังตัวไว้ให้ดี พร้อมโชว์มีด แม้ไม่ได้บังคับให้ทำสิ่งใด ศาลลงโทษตาม มาตรา 392
คำพิพากษาฎีกาที่ ฎีกา 205/2565 ขู่ผ่านไลน์กลุ่มว่าง จะตามล่า ผู้เสียหายกลัวจนแจ้งความ ถือว่าเกิดความผิดในทันที ไม่อ้างว่าเป็นการหยอกล้อได้
ข้อควรรู้ในการดำเนินคดี
1. รวบรวมพยานหลักฐานทันที เช่น ภาพหน้าจอข้อความ เสียงสนทนา คลิปวิดีโอ หรือพยานบุคคลที่ได้ยินเห็นเหตุการณ์
2. แจ้งความโดยเร็ว เพื่อไม่ให้พลาดกำหนดอายุความ 1 ปี และให้ตำรวจสามารถสืบสวนรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม
3. แยกแยะเจตนา หากผู้กระทำมีเป้าหมายบังคับให้ทำสิ่งใด หรือเรียกทรัพย์ ต้องแจ้งข้อหาเพิ่มเติมตาม มาตรา 309 หรือ มาตรา 337 เพื่อให้ศาลกำหนดโทษได้เหมาะสม
4. การเยียวยาทางแพ่ง ผู้เสียหายยังอาจฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้ภายในอายุความทั่วไป 1 ปีนับแต่รู้ความเสียหายและรู้ตัวผู้กระทำ หรือภายใน 10 ปี นับแต่วันกระทำละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448
อาจกล่ายโดยสรุป
การ ขู่เข็ญทำให้กลัว แม้จะไม่ใช้กำลังหรือไม่มีอาวุธจริง ก็เป็นความผิดอาญาตามมาตรา 392 หากผู้ถูกขู่เกิดความกลัวขึ้นจริง โดย ประเด็นชี้ขาด อยู่ที่ ผลทางจิตใจ ของผู้ถูกขู่ ไม่ใช่ความร้ายแรงของอาวุธหรือว่าผู้กระทำทำได้จริงหรือไม่ หากขู่เพื่อลงมือบังคับให้ผู้ถูกขู่ทำ งดทำสิ่งใด อาจเข้าข่ายมาตรา 309 และถ้าขู่หวังทรัพย์อาจเข้าข่ายมาตรา 337 ซึ่งโทษสูงกว่ามาก
ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครองสิทธิ ควรเร่งรวบรวมหลักฐานและแจ้งความภายในกำหนดอายุความ 1 ปี การตระหนักรู้โครงสร้างกฎหมายเช่นนี้ จะช่วยให้ประชาชนสามารถปกป้องตนเองได้อย่างถูกต้อง และใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือป้องปรามพฤติกรรมคุกคามในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คำสงวนสิทธิ บทความนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ความรู้กฎหมายทั่วไป มิใช่คำปรึกษากฎหมายเฉพาะเรื่อง หากท่านประสบเหตุขู่เข็ญหรือข้อพิพาทใด ควรปรึกษาทนายความโดยตรงเพื่อรับคำแนะนำตามข้อเท็จจริงเฉพาะคดีของท่าน