Last updated: 2 พ.ค. 2568 | 13 จำนวนผู้เข้าชม |
รถชนแล้วคู่กรณีหนี สามารถแจ้งความได้ไหม?
รถชนแล้วคู่กรณีหนี ท่านสามารถดำเนินการแจ้งความได้
เพราะไม่ใช่เพียงแค่เรื่อง “ประกัน” แต่เข้าข่ายผิดกฎหมายจราจร และ กฎหมายอาญา
คู่กรณีขับรถหนีหลังเกิดอุบัติเหตุ เข้าข่าย กระทำผิดกฎหมายอาญา และ กฎหมายจราจรผู้เสียหายสามารถแจ้งความเพื่อดำเนินคดีอาญา และเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้
ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522
มาตรา 78 "ผู้ขับขี่ซึ่งประสบอุบัติเหตุ ต้องหยุดรถ และให้ความช่วยเหลือตามสมควร พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที"
หากหนีไปโดยไม่หยุดรถ ถือว่า กระทำผิดตามกฎหมาย
มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (แม้ไม่มีคนเจ็บก็มีความผิด)
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 “ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ”
มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการชนส่งผลให้มีคนบาดเจ็บและหลบหนี อาจถูกฟ้องฐาน ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย และ ไม่ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (ถ้าชนแล้วมีผู้เสียชีวิต)
มีโทษจำคุกไม่เกินสิบปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 ทำให้เสียทรัพย์ (หากรถชนทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย แล้วหลบหนีโดยไม่รับผิดชอบ“ทำลายทรัพย์ผู้อื่น”)
โทษ: จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สิทธิเรียกร้องทางแพ่ง
หากทราบตัวเจ้าของรถหรือผู้ขับขี่ท่านสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ เช่น
1. ค่าซ่อมรถ
2. ค่ารักษาพยาบาล
3. ค่าเสียหายจากการเสียโอกาส (เช่น ใช้รถไม่ได้)
ฟ้องต่อศาลแพ่งได้ภายใน 1 ปีนับแต่รู้ตัวผู้กระทำผิด และ ภายใน 10 ปีนับแต่วันที่เกิดเหตุ
ตัวอย่างคำพิพากษาฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1741/2532 ขับรถเฉี่ยวชนผู้อื่นแล้วหลบหนีโดยไม่หยุดให้ความช่วยเหลือ
ศาลวินิจฉัยว่าการที่จำเลยขับรถเฉี่ยวชนผู้อื่นแล้วหลบหนีโดยไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที เป็นเหตุให้ผู้ถูกรถจำเลยชนถึงแก่ความตาย ถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 ซึ่งกำหนดให้ผู้ขับขี่ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น ต้องหยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร พร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อตำรวจที่ใกล้เคียงทัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7299/2541 ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและหลบหนี
ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และหลังเกิดเหตุจำเลยหลบหนีไปโดยไม่ให้ความช่วยเหลือ ถือเป็นความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 ที่กำหนดให้ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถและให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4926/2552 ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและหลบหนี
ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และหลังเกิดเหตุจำเลยหลบหนีไปโดยไม่หยุดให้ความช่วยเหลือ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 โดยศาลลงโทษจำคุก 4 ปี สำหรับความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และจำคุก 2 เดือน สำหรับความผิดฐานหลบหนีโดยไม่หยุดให้ความช่วยเหลือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18527/2556 ขับรถก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินแล้วไม่หยุดรถ
ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น แล้วไม่หยุดรถ ไม่ให้ความช่วยเหลือ และไม่แสดงตัวต่อเจ้าพนักงานที่ใกล้เคียงทันที ถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 ซึ่งกำหนดให้ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถและให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
30 เม.ย 2568
28 เม.ย 2568
2 พ.ค. 2568
21 ส.ค. 2566