หน้าที่และความรับผิดของผู้จัดการมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ผู้จัดการมรดก คือ บุคคลซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยพินัยกรรมหรือคำสั่งศาลเพื่อเข้ามาดูแลทรัพย์สินของเจ้ามรดก ตั้งแต่เก็บรวบรวมทรัพย์สิน การจ่ายหนี้ การ แบ่งปันมรดก การ สรุปบัญชีต่อศาลและทายาท ซึ่งบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 4 หมวด 1 มาตรา 1711 ถึง มาตรา 1733 โดยกำหนดรายละเอียดไว้อย่างชัดเจน พร้อมกลไกตรวจสอบทั้งทางแพ่งและทางอาญาเพื่อป้องกันการทุจริตหรือความบกพร่องของผู้จัดการมรดก
1. ความหมาย ฐานะ และการแต่งตั้ง
โดยพินัยกรรม คือ การที่เจ้าของทรัพย์ระบุชื่อผู้จัดการมรดกในพินัยกรรม มีผลทันที เมื่อเจ้า มรดกถึงแก่กรรม
โดยศาล คือ ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก
และศาลจะใช้ดุลพินิจเพื่อเลือกผู้เหมาะสม
อาจกล่าวได้ว่า ผู้จัดการมรดกนั้นเป็นเสมือนตัวแทนของกองมรดก ไม่ใช่ตัวแทนทายาทรายใดรายหนึ่ง และมีอำนาจผูกพันทายาทในกิจการที่อยู่ในขอบหน้าที่
2. หน้าที่หลักตามกฎหมาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1728 ถึง มาตรา 1732 กำหนดกรอบเวลาและภารกิจสำคัญไว้ดังนี้
2.1 จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกโดยต้องเริ่มจัดทำภายใน 15 วันนับแต่รู้ถึงการแต่งตั้ง และทำให้เสร็จสิ้นใน 1 เดือน เว้นแต่ศาลอนุญาตขยายระยะเวลา และรักษาและบริหารทรัพย์สิน
2.2 กระทำการอันจำเป็นเพื่อคงคุณค่า เพิ่มพูนทรัพย์ หรือป้องกันความเสียหาย เรียกเก็บหนี้ หรือจ่ายหนี้และค่าใช้จ่ายต่างๆ
2.3 รวมถึงภาษีมรดกและภาษีเงินได้ของกองมรดก ตามพระราชบัญญัติภาษี การรับมรดก พ.ศ. 2558 โดยแบ่งปันทรัพย์มรดกให้ทายาทตามส่วน
2.4 ต้องคำนึงถึงสิทธิชำระหนี้ที่ยังค้างก่อนการโอนทรัพย์ โดยรายงานและส่งมอบบัญชี
2.5 ส่งรายงานการจัดการและแบ่งปันภายในระยะเวลา1 ปี เว้นแต่ศาลหรือพินัยกรรมกำหนดเป็นอย่างอื่น
ข้อยกเว้น หากศาลตั้งผู้จัดการมรดกเพื่อการใดโดยเฉพาะ เช่น การขายบ้านหลังเดียว ผู้นั้นอาจไม่ต้องทำบัญชีทรัพย์มรดก เว้นแต่ศาลสั่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1714
3. อำนาจและข้อห้าม
การจำหน่ายทรัพย์ ได้แแก่ การขาย การแลกเปลี่ยนทรัพย์ เพื่อชำระหนี้หรือปันส่วน ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของกองมรดก และห้ามทำธุรกรรมที่ตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ เว้นแต่มีอนุญาตในพินัยกรรมหรือจากศาล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722
การว่าจ้าง หรือการมอบหมาย ได้แก่ การจ้างผู้เชี่ยวชาญหรือมอบหมายงานบางอย่าง
ต้องเก็บหลักฐานและปฏิบัติตามคำสั่งศาลหรือเงื่อนไขในพินัยกรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1723
ทั้งนี้ ผู้จัดการมรดกที่ฝ่าฝืนข้อห้ามอาจถูก ถอน และรับผิดชดใช้ค่าเสียหายต่อกองมรดกและทายาท
4. ความรับผิดและค่าตอบแทน
ความรับผิดต่อทายาท ต้องใช้ความระมัดระวังเสมือนผู้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่นโดยไม่รับค่าตอบแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1720
ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ทายาทผูกพันในกิจการที่ผู้จัดการมรดกทำภายในอำนาจ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1724
ค่าตอบแทน ไม่ได้รับโดยอัตโนมัติ เว้นแต่พินัยกรรมหรือทายาทโดยเสียงข้างมากกำหนด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1721
5. การสิ้นสุดตำแหน่งและการถอดถอน
ศาลอาจถอนผู้จัดการมรดกได้เมื่อ ไม่จัดทำบัญชีตามเวลา หรือ บัญชีไม่ถูกต้องเพราะประมาทเลินเล่อร้ายแรงหรือทุจริต หรือ มีเหตุสมควรอื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1731
6. ข้อแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับทายาทและผู้จัดการมรดก
6.1 เก็บเอกสารทุกขั้นตอน โดยเฉพาะใบเสร็จรับเงิน ภาษี และสัญญาซื้อขาย
6.2 ขอคำสั่งศาลเมื่อจำเป็น เช่น การขายอสังหาริมทรัพย์มูลค่าสูง หรือเมื่อทายาทเห็นต่าง
6.3 กำหนดกรอบเวลาในพินัยกรรม ลดความเสี่ยงพิพาทเรื่องการจัดการล่าช้า
6.4 สื่อสารกับทายาทสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันข้อครหาว่าปกปิดข้อมูล
สรุป
ผู้จัดการมรดกเป็นกลไกสำคัญในการเปลี่ยนผ่านความเป็นเจ้าของทรัพย์สินจากผู้ตายสู่ทายาทอย่างเป็นธรรม กฎหมายกำหนดหน้าที่ อำนาจไว้อย่างละเอียด พร้อมบทลงโทษหากละเว้นหรือละเมิด การปฏิบัติตามขั้นตอนและใช้ความสุจริตจะลดข้อพิพาทและรักษาความสัมพันธ์ของสมาชิกครอบครัวได้อย่างยั่งยืน
ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา
คำพิพากษาฎีกาที่ 333/2564 ศาลพิจารณาความเหมาะสมระหว่าง ทายาทโดยธรรม กับ ผู้รับพินัยกรรม ในการขอตั้งเป็นผู้จัดการมรดก โดยถือเจตนาของเจ้ามรดกและประโยชน์กองมรดกเป็นสำคัญ ก่อนมีคำสั่งแต่งตั้งบุคคลที่ศาลเห็นว่าเหมาะสมที่สุด
คำพิพากษาฎีกาที่ 2714/2562 บุตรโดยชอบแม้ ไม่ได้ถูกระบุเป็นผู้จัดการมรดกในพินัยกรรม ก็ถือเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ตามมาตรา 1713 จึงมีสิทธิร้องขอศาลตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกได้ ศาลตอกย้ำหลัก ความเป็นทายาทย่อมให้ฐานะร้องขอได้ หากไม่เป็นบุคคลต้องห้าม
คำพิพากษาฎีกาที่ 5127/2559 ชี้ให้เห็นดุลพินิจศาลในการพิจารณาถอนผู้จัดการมรดกเมื่อไม่ปฏิบัติตามมาตรา 1731 อย่างครบถ้วน
คำพิพากษาฎีกาที่ 4116/2550 ทายาทฟ้องผู้จัดการมรดกกรณีทำบัญชี‑แบ่งทรัพย์ไม่ถูกต้อง ศาลวางหลักว่า อายุความเรียกร้องความรับผิดของผู้จัดการมรดก ตามมาตรา 1733 วรรคสองยังไม่เริ่มนับ ตราบใดที่การจัดการมรดกไม่สิ้นสุด และผู้จัดการมรดกถือทรัพย์แทนทายาท ไม่อาจอ้างอายุความตัดสิทธิได้
คำพิพากษาฎีกาที่ 1217/2543 ศาลย้ำว่า ผู้จัดการมรดกเป็นผู้แทนตามกฎหมายของกองมรดก ไม่ใช่ตัวแทนทายาทคนใดคนหนึ่ง ต้องจัดการงานสำคัญด้วยตนเอง เว้นแต่พินัยกรรมหรือศาลอนุญาตให้มอบหมายได้ การประชุมทายาทไม่มีอำนาจมาบังคับทิศทางการจัดการ แต่ทายาท‑ศาลสามารถควบคุมหรือตรวจสอบและขอถอนได้ถ้าผู้จัดการมรดกละเลยหน้าที่
คำพิพากษาฎีกาที่ 802/2542 แม้ผู้จัดการมรดกจะจัดทำบัญชีล่าช้าและไม่เรียกประชุมทายาท แต่ศาลถือว่า ไม่มีเจตนาปกปิดทรัพย์สิน และพบอุปสรรคภายนอก ทายาทบางส่วนอยู่ต่างประเทศ ฯลฯ จึง ยังไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะสั่งถอน ตามมาตรา 1731
คำพิพากษาฎีกาที่ 5016/2541 ศาลวินิจฉัยว่าแม้ผู้จัดการมรดกล่าช้าจัดทำบัญชี แต่หากมิได้ทุจริตและแบ่งทรัพย์ส่วนใหญ่แล้ว ยังไม่สมควรถอน