เช็คเด้งไม่ติดคุก ความผิดอาญาเช็ค ทิศทางยกเลิกโทษปี2568

5 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เช็คเด้งไม่ติดคุก ความผิดอาญาเช็ค ทิศทางยกเลิกโทษปี2568

ความรับผิดทางอาญาจากการออกเช็คโดยไม่มีเงินรองรับ
 
วิเคราะห์ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 และทิศทางยกเลิกโทษอาญา
 
บทความนี้วิเคราะห์กรอบกฎหมายที่ใช้กำหนดความรับผิดทางอาญาเมื่อ “เช็คเด้ง” ตั้งแต่เหตุผลเชิงนโยบายในการคง หรือยกเลิก โทษจำคุก ไปจนถึงแนวคำพิพากษาศาลฎีกาซึ่งวางบรรทัดฐานเกี่ยวกับองค์ประกอบความผิด ระยะเวลาร้องทุกข์ และภาระพิสูจน์ของคู่กรณี พร้อมประเมินผลกระทบเชิงปฏิบัติหากร่าง พ.ร.บ. ยกเลิกกฎหมายเช็คผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาในอนาคตอันใกล้
 
1. พัฒนาการของกฎหมายเช็คในประเทศไทย
พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 กำหนดให้การออกเช็คโดยไม่มีเงินรองรับหรือสั่งห้ามจ่ายเช็คโดยทุจริตเป็นความผิดอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กฎหมายฉบับนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าสร้างภาระทางอาญากับลูกหนี้ที่ผิดนัดโดยสุจริต และถูกใช้เป็นเครื่องมือบีบบังคับมากกว่าการคุ้มครองธุรกรรมเชิงพาณิชย์
 
2. องค์ประกอบความผิดและขั้นตอนดำเนินคดี
มาตรา 4 ของ พ.ร.บ.เช็ค กำหนดองค์ประกอบสำคัญ 5 ประการ ได้แก่
(1) ผู้สั่งจ่ายเจตนาไม่ชำระเงิน
(2) ไม่มีเงินเพียงพอในบัญชี
(3) ออกเช็คเกินยอดเงิน
(4) ถอนเงินจนเหลือไม่พอจ่าย หรือ
(5) สั่งธนาคารไม่ให้จ่ายเงินโดยทุจริต
ผู้เสียหายต้อง ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่าย ไม่เช่นนั้นคดีอาญาขาดอายุความ แต่ยังฟ้องแพ่งได้ต่อไป
 
3. ประเด็นข้อพิพาทสำคัญในทางปฏิบัติ
3.1 เช็คล่วงหน้า หรือ เช็คค้ำประกัน ศาลมักวินิจฉัยว่าผู้สั่งจ่ายย่อมทราบอยู่แล้วว่าบัญชีไม่มีเงินเพียงพอ จึงเข้าองค์ประกอบมาตรา 4 หากเช็คเด้ง
3.2 การสั่ง Stop Payment การสั่งธนาคารระงับการจ่ายโดยไม่มีเหตุอันสมควรถูกตีความว่าเป็นการ ทุจริต และเข้าข่ายองค์ประกอบข้อ 5
3.3 การออกเช็คหลังถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แนวคำพิพากษาศาลฎีกาบางคดีวางหลักว่า เมื่อถูกจำกัดอำนาจจัดการทรัพย์สินแล้ว การออกเช็คอาจไม่อยู่ในเงื่อนไขแห่งความผิดเพราะขาด เจตนา ที่กฎหมายบัญญัติ
 
4. แนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่น่าสนใจ
คำพิพากษาฎีกาที่ 341/2559 จำเลยออกเช็คโดยรู้ว่าบัญชีไม่มีเงินเพียงพอ ศาลถือว่าครบองค์ประกอบ มาตรา 4 ลงโทษจำคุกและปรับ 

คำพิพากษาฎีกาที่ 1839/2561 ผู้รับเช็คแจ้งความหลังเช็คเด้งเกิน 3 เดือน ศาลวินิจฉัยว่าสิทธิร้องทุกข์อาญาขาด แม้ยังฟ้องแพ่งได้ 

คำพิพากษาเหล่านี้ตอกย้ำว่า เจตนารู้บัญชีว่าง และ ระยะเวลาร้องทุกข์ เป็นประเด็นชี้ขาดผลคดีเช็คอย่างแท้จริง
 
5. ทิศทางการยกเลิกโทษอาญา
วันที่  27  พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ  ยกเลิก พ.ร.บ.เช็ค เพื่อให้สอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง (ICCPR) ที่ไม่ให้คุมขังบุคคลเพียงเพราะชำระหนี้ไม่ได้ ปัจจุบัน เดือนมิถุนายน 2568 ร่างกฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการในวุฒิสภา โดย ขั้นตอนที่เหลือคือวาระ 2 และ 3 ของสภาผู้แทนและวุฒิสภาก่อนประกาศใช้ 

ผลทางกฎหมายเมื่อร่างฯ มีผลบังคับ
1. คดีอาญาความผิดเช็คที่ยังไม่ถึงที่สุดจะถูกจำหน่ายคดี
2. ผู้ต้องโทษที่เหลือโทษจำคุกจะพ้นโทษทันที
3. สิทธิเรียกร้องทางแพ่งของผู้ถือเช็คยังดำเนินต่อได้ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
 
6. ผลกระทบเชิงธุรกรรมและข้อเสนอแนะ
เจ้าหนี้ หรือ ผู้ถือเช็ค ควรสำรองมาตรการค้ำประกันรูปแบบอื่น เช่น หนังสือค้ำประกันธนาคาร (Bank Guarantee) หรือสัญญาจำนองหรือจำนำ เพื่อทดแทนอำนาจคุกคามทางอาญาที่กำลังถูกยกเลิก

ลูกหนี้ หรือ ผู้ออกเช็ค ต้องบริหารสภาพคล่องอย่างเคร่งครัด เพราะแม้ไม่ติดคุก ก็ยังถูกฟ้องแพ่งและบังคับคดีได้เต็มรูปแบบ

สถาบันการเงิน อาจเห็นการเปลี่ยนผ่านจากเช็คสู่เครื่องมือชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์และวงเงินสินเชื่อที่ผูกกับข้อมูลเครดิตแทน  เช็คประกัน แบบเดิม
 
อาจกล่าวโดยสรุป
แม้ พ.ร.บ.เช็ค พ.ศ. 2534 ยังมีผลใช้บังคับ แต่สัญญาณจากฝ่ายนโยบายชัดเจนว่า โทษอาญาเช็คเด้ง กำลังถูกยกเลิก เพื่อสอดคล้องหลักสิทธิมนุษยชนสากล ข้อพิพาทเกี่ยวกับเช็คจึงจะเหลือเพียงมิติแพ่ง อย่างไรก็ดี ผู้ทำธุรกรรมควรติดตามกฎหมายใหม่อย่างใกล้ชิด และปรับโครงสร้างหลักประกันทางการค้าให้สอดรับกับกติกาใหม่ของตลาดการชำระเงินไทย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้